วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ละครรีเมค

 ละคร เป็นสื่อบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากเป็นอับดับหนึ่งในสังคมไทย ซึ่งประเภทของบทละครที่ขายดีและถูกนำมาสร้างสรรค์ส่วนใหญ่แล้วเป็นพล็อตเรื่องแนว soap opera หรือที่เรียกว่าละครน้ำเน่านั่นเอง เนื่องจากคนไทยนั้นมีรสนิยมในการบริโภคสื่อบันเทิงรูปแบบคงที่ตลอดเวลา โดยเห็นได้จากแผนการตลาดของผู้จัดหลายช่องที่มีการนำละครน้ำเน่าเก่า ๆ ที่เคยฉายไปแล้วกลับมาผลิตซ้ำเพื่อขายใหม่อีกรอบ กลายเป็นละครรีเมค แต่ก็ยังคงเรียกกระแสความชื่นชอบจากผู้ชมได้อย่างล้นหลาม เพราะส่วนใหญ่ละครที่ถูกนำมารีเมคนั้นมักมีบทประพันธ์อันตรึงตราตรึงใจ เปรียบเหมือนละครอมตะ แต่ทว่าปัจจุบัน หลายคนต่างมีมุมมองที่เห็นพ้องต้องกันว่า เพราะสาเหตุของละครไทยที่มีความรุนแรงมากขึ้นหรือเปล่า? เลยทำให้เกิดผลกระทบแก่สังคมที่เห็นมากมายในปัจจุบัน
  ในแง่มุมของการสร้างละครนั้น สิ่งที่ต้องดูคือเรื่องความเหมาะสมทั้งทางด้านวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ อย่างวัฒนธรรมในการเสพละครของคนไทยก็จะมีความแตกต่างจากวัฒนธรรมการเสพละครของคนยุโรปหรือประเทศอื่น ๆ นั่นเอง สมมิติเราดูละครตลกของบางเทศนั้น เราก็จะรู้สึกว่ามีความตลกไม่เท่าบ้านเรา ก็เช่นเดียวกับละครน้ำเน่า ดราม่า ฯลฯ ซึ่งนอกจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่เป็นตัวกำหนดสำหรับการสร้างละครแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีอีกประการที่ผู้สร้างละครต้องคำนึงถึงเช่นกัน นั่นก็คือกระแสความนิยมของสังคม สังคมมีความเปลี่ยนแปลงไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ทุกอย่างมีพัฒนาการทั้งดีขึ้นและต่ำลง และผลกระทบก็ตามมา มันเป็นวัฏจักรธรรมชาติในแง่ความเป็นจริงของมนุษย์ที่ย่อมสัมผัสได้และรู้สึกได้กับสิ่งรอบข้างต่าง ๆ เฉกเช่นการดูละคร ที่ทุกคนย่อมได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมีทัศนคติในการรับรู้ว่ามุมมองและการนำกรอบประสบการณ์มาตัดสินเพื่อให้เกิดความเข้าใจทั้งหมดนั้นเป็นเช่นไร  ซึ่งก็มีทั้งทางด้านดี ไม่ดี จนกระทั่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะปรากฏออกมาให้คนรอบข้างได้เห็นเป็นรูปธรรม
ละครคือสิ่งที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้รับสารอย่างหนึ่ง เมื่อผู้รับสารรับไปก็ย่อมมีการกลั่นกรองออกมาไม่มากก็น้อย แล้วแต่ว่าเนื้อหาหรือบทละครนั้นจะแฝงความหมายอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสะท้อนสังคม สอนสังคมทำดีได้ดี ให้ข้อคิดในเรื่องสมัยใหม่ ฯลฯ ทุกอย่างเหล่านี้ก็เรียกผลกระทบแล้ว ดังนั้นเราจึงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าละครส่งผลกระทบต่อสังคม เพราะละครชี้นำปัญหาสังคมจริงๆดังตัวอย่างละครรีเมคเรื่อง  
                            เเรงเงา 
 แรงเงา เป็นบทประพันธ์ชื่อดังของ นันทนา วีระชน เริ่มแรกบทประพันธ์ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2529 ในชื่อ แรงหึง โดยค่าย ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น นำแสดงโดย จินตหรา สุขพัฒน์, อำพล ลำพูน, เกรียงไกร อุณหะนันท์, ญาณี จงวิสุทธิ์
และถูกนำมาสร้างเป็นละครมาแล้ว ถึง 3 ครั้ง ทางช่อง 3 โดยครั้งแรกใช้ชื่อละครว่า แรงหึง เช่นกัน ในปี พ.ศ. 2531 นำแสดงโดย จริยา แอนโฟเน่, ตฤณ เศรษฐโชค ต่อมา อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัด บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เป็นผู้นำมาสร้างอีก 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2544 และ 2555 โดยทั้ง 2 ครั้งเปลี่ยนชื่อมาเป็น แรงเงา

เรื่องย่อ
เจนภพเป็นคนเจ้าชู้แต่งงานกับนพนภาซึ่งมีพ่อเป็นอธิบดี เจนภพได้มุตตาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมของตัวเองเป็นภรรยาลับ ๆ มุตตารู้สึกว่าตัวเองท้อง เจนภพโดนนพนภาจับได้และตบหน้ามุตตาต่อหน้าคนมากมาย มุตตาลาออกจากงานกลับบ้านต่างจังหวัด และกลับไปผูกคอตายไปพร้อมกับลูกในท้อง มุนินทร์พี่สาวฝาแฝดกลับมาจากต่างประเทศ ทั้งคู่นิสัยต่างกัน มุตตาเรียบร้อยไม่มีปากเสียง มุนินทร์เป็นคนแข็งและไม่ยอมใคร มุนินทร์รู้เรื่องของมุตตาจึงโกรธมากและปลอมเป็นมุตตา
วีกิจเป็นหลานชายของเจนภพขอร้องให้วีกิจเลิกติดต่อกับมุตตาแต่วีกิจไม่ยอมและมุตตาก็พยายามยั่วให้เจนภพหึง นพนภารู้ว่าเจนภพจะซื้อบ้านและรถให้มุตตา จึงมาอาละวาดที่ทำงาน แต่โดนมุนินทร์ตบ เจนภพถูกอธิบดียื่นคำขาดให้เลิกกับมุตตา มุนินทร์แก้แค้นได้สำเร็จจึงลาออก วีกิจต่อว่ามุนินทร์ทำให้ทั้งสองผิดใจกัน มุนินทร์นัดเจนภพมาขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ตนทำไว้กับเขาและนพนภา แต่นพนภามาเห็นก็เข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่นัดจะไปมีอะไรกัน นพนภาถือปืนมายิงมุนินทร์แต่โดนเจนภพแย่งปืน จนพลาดตกบันไดเป็นอัมพาต วิกิจให้เพื่อนสืบจนรู้ว่าผู้หญิงคนที่มาแก้แค้นคือมุนินทร์ วิกิจได้คุยเจนภพว่ามี 2 คน และวิกิจกับเจนภพได้เดินทางไปเพชรบูรณ์บ้านเกิดของมุตตาและมุนินทร์ จนไปรู้ความจริงว่ามุตตาเสียชีวิตไปหลายเดือนแล้ว บรรยากาศงานศพของมุตตาเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ เจนภพขออโหสิกรรมแก่มุตตา หลังจากนั้น เจนภพก็เปลี่ยนนิสัยเป็นคนรักเดียวใจเดียวกลับไปดูแลนพนภาซึ่งเป็นอัมพาต วิกิจและมุนินทร์ก็ได้ทำความเข้าใจต่อกัน

ความรุนแรงของเนื้อหาการแสดงในละครเรื่องนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนจนทำให้มูลนิธิหญิงไทยก้าวไกล ถึงกับร้องเรียนต่อกระทรวงวัฒนธรรม ว่า “ละครเรื่องแรงเงาตอกย้ำค่านิยมเดิม ๆ เกี่ยวกับผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว และมีภรรยาได้หลายคน ทั้งยังตอกย้ำเรื่องการแก้ปัญหา ที่ให้ฝ่ายผู้หญิงเป็นฝ่ายหาทางออกเอง และสะท้อนภาพลักษณ์หญิงไทยในมุมที่ไม่สร้างสรรค์ ทั้งๆที่ปัจจุบันผู้หญิงหลายคนมีบทบาทและศักยภาพที่สร้างสรรค์กว่าในละคร”

 คำถามก็คือ เหตุใดละครไทยไม่สามารถหนีจากวงจรเหล่านี้ได้?
(หรือประยุกต์ให้มีมุมแตกต่างได้มากกว่าเดิม?) หรือเป็นเพราะสังคมไทยไม่เคย
(แม้แต่จะคิด)ก้าวไปไหน? แต่กลับย่ำอยู่กับที่ ขณะที่ละครไทยกลับยิ่งนำเสนอแต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอกย้ำซ้ำซากอยู่อย่างนั้น (เพื่อรักษาเรทติ้ง) โดยไม่กล้าเปลี่ยน หรือ กล้าสรรหาเรื่องราวใหม่ๆมานำเสนอที่อาจมีความสร้างสรรค์มากกว่าเดิม

      …จะว่าไป ละครไทย เข้ากันดีกับวาทกรรมคำสวยหรูว่า “สะท้อนสังคม” มาตลอด แต่จะสร้างสรรค์หรือไม่ ก็แล้วแต่วิจารณญาณกันนะครับ ^^


1 ความคิดเห็น:

  1. ทำงานไม่ตรงโจทย์......ให้นักศึกษาไปค้นว่า บทประพันธ์ใดถูกผลิตมาเป็นละครโทรทัศน์ซ้ำๆ บ้าง (Remake story) ผลิตซ้ำกี่ครั้งและเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ช่องใด ยุคสมัยใด
    ไม่ได้สั่งแค่เรื่องเดียว
    วาทกรรมคืออะไรคะ

    ตอบลบ