วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

นิเทศศาสตร์ ยุคดิจิทัล

  นิเทศศาสตร์ ยุคดิจิทัล
โลกาภิวัตน์ของเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีทุนนิยมเป็นตัวขับเคลื่อน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยกลายเป็นตลาดของสินค้าไอทีโลก และยังเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกอีกด้วย และ คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมการใช้สื่อรูปแบบใหม่ในสังคม โดยผู้รับสารเป็นผู้เลือกและกำหนดเวลา ช่องทาง วิธีการ ในการเปิดรับสารเพื่อเข้าถึงสื่อเอง ตามความสนใจรวมถึงความสะดวกของผู้ใช้งาน
การปรับตัวของสื่อไทยเป็นไปตามทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน คือ “ผู้ที่ปรับตัวได้จึงอยู่รอด” ซึ่งช่วงนี้องค์รวมทั้งประเทศ ทั้งอุตสาหกรรม ทั้งระบบกิจการสื่อสาร อยู่ในช่วงการปรับตัวสู่ระบบนิเวศใหม่ของระบบสื่อใหม่ เห็นสัญญาณที่ชัดเจนบางส่วน เช่น การปรับตัวของธุรกิจสื่อไทยหลายองค์กรก้าวสู่โลกดิจิทัลแบบก้าวกระโดดจาก สื่อเก่าสู่สื่อใหม่
สิ่งสำคัญในการปรับเปลี่ยนคือ ความรู้และความเข้าใจถึงธรรมชาติของสื่อใหม่ ตลอดจนภาพกว้างของกิจการสื่อใหม่ต่อจากนี้เป็นต้นไปและในอนาคต 5-10 ปี เช่น จากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นแอพพลิเคชั่น มีรายละเอียดมากต้องทำความเข้าใจถึงแก่น และกระบวนการสื่อสารเทคนิควิธีการที่จะใช้เพื่อให้เกิดผลสูงสุด เท่าที่ดูหลายสำนักพิมพ์ทำได้ดี แต่บางแอพพลิเคชั่นสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าการกระโดดสู่แอพพลิเคชั่นคือ การแปลงไฟล์ จากหนังสือพิมพ์กระดาษ เป็นพีดีเอฟไฟล์เท่านั้น
จุดอ่อนของสื่อและเทคโนโลยีการสื่อสารของไทยคือ “ไร้ทิศทาง” ไม่มีแผนพัฒนาในอนาคต ควรมีการวางให้เป็นระบบ 3-5 ปี, 5-10 ปี, 10-20 ปี ว่าจะก้าวไปเช่นไร ขณะเดียวกันคนทำข่าวหนังสือพิมพ์ปัจจุบันแทบหาข่าวประเภทเชิงสืบสวนไม่ได้ ถ้าลองเอาหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับ ไม่ว่าจะฉบับที่ตีพิมพ์หรือออนไลน์ในข่าวเรื่องเดียวกัน บ่อยครั้งที่แทบไม่เห็นความแตกต่าง แม้จะเป็นข่าวประเภทเอาไมค์จ่อให้นักการเมืองพูด จึงไม่มีความลึกของข้อมูล ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลและที่มาที่ไปอย่างไร
ธรรมชาติของสื่อยุคใหม่ที่โดดเด่น เฉพาะเจาะจง และเทคโนโลยีการสื่อสารระบบดิจิทัลทำให้การนำเสนอข้อมูลมีมิติเชิงซ้อนได้ มากขึ้น เช่น การนำเสนอข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญบนหน้ากระดาษหรือหน้าจอแบบสื่อเก่ามีข้อ จำกัดที่จำนวนหน้า เวลา หรือมีเพียงหน้าจอเดียว แต่ในโลกดิจิทัลสามารถนำเสนอภาพนิ่ง เสียง ข้อความ และสามารถลิงก์ไปยังข้อมูลอื่น ๆ ได้อีก
“ปัจจุบันนักข่าวสายพันธุ์ใหม่ต้องพัฒนาตนเองให้สามารถสืบข่าว เขียนข่าว เขียนสคริปต์ข่าว ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อคลิปและส่งข่าวได้ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วในการทำข่าวระดับนานาชาติ เช่น ในเหตุการณ์ความรุนแรงในอาหรับ ที่นักข่าวหนึ่งคนได้รับ ไอโฟน, สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป ลงสนามข่าว ทำข่าวส่งกลับสำนักข่าวทั้งรูปแบบเนื้อหา ภาพ รวมถึงรายงานภาพสดผ่านวิดีโอ”
ข้อดีของเทคโนโลยีดิจิทัลคือ มีช่องทางและผู้ประกอบการจำนวนมากขึ้น แต่คำว่า “จำนวนมากขึ้น ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าสื่อจะมีคุณภาพมากขึ้น” ประสบการณ์ของคนไทยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาคงชัดเจน ต่อกรณี วิทยุชุมชน และโทรทัศน์ดาวเทียม ที่ผุดขึ้นมา สื่อที่ดี ๆ มีคุณภาพและจริยธรรมมีส่วนหนึ่งต้องชื่นชมยกย่อง แต่ปัญหาคือมีสื่อที่อาศัยช่องทางเทคโนโลยี และช่องว่างทางกฎหมาย ผนวกกับความหย่อนยานของรัฐ เปิดช่องทางขายสินค้าโฆษณาเกินจริง ปลุกปั่นยุยงให้เกิดความเกลียดชัง รายการล่อแหลมขัดต่อศีลธรรม นี่คือภาพผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
หากรัฐและผู้ประกอบการไม่ร่วมมือกันจัดระเบียบให้ชัดเจนและถูกต้อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงเชิงอำนาจนิยมแต่หมายถึงการจัดระเบียบตามกรอบนิติรัฐ กฎหมาย และการหารือปรึกษาหามาตรการกับสภาวิชาชีพ และหน่วยงาน สมาคมคุ้มครองผู้บริโภคต่าง ๆ
สำหรับผู้บริโภคควรส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงหน้าที่พลเมืองมากขึ้น รวมถึงครอบครัว ภาคส่วนคุ้มครองผู้บริโภค ที่ผ่านมาพยายามสร้างเสริมองค์ความรู้เท่าทันสื่อ ช่วยรณรงค์คุ้มครองผู้บริโภค แต่ยังทำงานได้ในสภาวะจำกัด เพราะขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การปรับตัวถือเป็นเรื่องธรรมชาติของทุกสิ่ง ซึ่งในภาวะเช่นนี้ผู้เสพสื่อควรวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร เพราะไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว.

1 ความคิดเห็น:

  1. 1.ไม่จัดหน้า อักษรติดกันเป็นพืด น่าอ่านเหรอคะ
    2.ส่วนไหนที่คิดเองคะ เกี่ยวกับนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อใหม่ของมหาวิทยาลัยที่คุณเรียนตรงไหน

    ตอบลบ